สวัสดีเพื่อนๆทุกคน!! ผลสอบออกแล้ว ดีใจหรือเสียใจดีเนี้ย เหอเหอเหอ~~~

วันจันทร์ที่ 11 มกราคม พ.ศ. 2553

การพัฒนาตนเอง

ความหมายของการพัฒนาตน

การพัฒนาตน ตรงกับภาษาอังกฤษว่า self-development แต่ยังมีคำที่มีความหมายใกล้เคียงกับคำว่าการพัฒนาตน และมักใช้แทนกันบ่อยๆ ได้แก่ การปรับปรุงตน (self-improvement) การบริหารตน (self-management) และการปรับตน (self-modification) หมายถึงการเปลี่ยนแปลงตัวเองให้เหมาะสมเพื่อสนองความต้องการและเป้าหมายของตนเอง หรือเพื่อให้สอดคล้องกับสิ่งที่สังคมคาดหวัง

ความหมายที่ 1 การพัฒนาตนคือการที่บุคคลพยายามที่จะปรับปรุงเปลี่ยนแปลงตนด้วยตนเองให้ดีขึ้นกว่าเดิม เหมาะสมกว่าเดิม ทำให้สามารถดำเนินกิจกรรม แสดงพฤติกรรม เพื่อสนองความต้องการ แรงจูงใจ หรือเป้าหมายที่ตนตั้งไว้

ความหมายที่ 2 การพัฒนาตนคือการพัฒนาศักยภาพของตนด้วยตนเองให้ดีขึ้นทั้งร่างกาย จิตใจ อารมณ์ และสังคม เพื่อให้ตนเป็นสมาชิกที่มีประสิทธิภาพของสังคม เป็นประโยชน์ต่อผู้อื่น ตลอดจนเพื่อการดำรงชีวิตอย่างสันติสุขของตน

แนวคิดพื้นฐานในการพัฒนาตน

บุคคลที่จะพัฒนาตนเองได้ จะต้องเป็นผู้มุ่งมั่นที่จะเปลี่ยนแปลงหรือปรับปรุงตัวเอง โดยมีความเชื่อหรือแนวคิดพื้นฐานในการพัฒนาตนที่ถูกต้อง ซึ่งจะเป็นสิ่งที่ช่วยส่งเสริมให้การพัฒนาตนเองประสบความสำเร็จ แนวคิดที่สำคัญมีดังนี้

1. มนุษย์ทุกคนมีศักยภาพที่มีคุณค่าอยู่ในตัวเอง ทำให้สามารถฝึกหัดและพัฒนาตนได้ในเกือบทุกเรื่อง
2. ไม่มีบุคคลใดที่มีความสมบูรณ์พร้อมทุกด้าน จนไม่จำเป็นต้องพัฒนาในเรื่องใดๆ อีก
3. แม้บุคคลจะเป็นผู้ที่รู้จักตนเองได้ดีที่สุด แต่ก็ไม่สามารถปรับเปลี่ยนตนเองได้ในบางเรื่อง ยังต้องอาศัยความช่วยเหลือจากผู้อื่นในการพัฒนาตน การควบคุมความคิด ความรู้สึก และการกระทำของตนเอง มีความสำคัญเท่ากับการควบคุมสิ่งแวดล้อมภายนอก
4. อุปสรรคสำคัญของการปรับปรุงและพัฒนาตนเอง คือ การที่บุคคลมีความคิดติดยึด ไม่ยอมปรับเปลี่ยนวิธีคิด และการกระทำ จึงไม่ยอมสร้างนิสัยใหม่ หรือฝึกทักษะใหม่ๆที่จำเป็นต่อตนเอง
5. การปรับปรุงและพัฒนาตนเองสามารถดำเนินการได้ทุกเวลาและอย่างต่อเนื่อง เมื่อพบปัญหาหรือข้อบกพร่องเกี่ยวกับตนเอง

ความสำคัญของการพัฒนาตน

บุคคลล้วนต้องการเป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์ หรืออย่างน้อยก็ต้องการมีชีวิตที่เป็นสุขในสังคม ประสบความสำเร็จตามเป้าหมายและความต้องการของตนเอง พัฒนาตนเองได้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในสังคมโลก การพัฒนาตนจึงมีความสำคัญดังนี้

ก. ความสำคัญต่อตนเอง จำแนกได้ดังนี้

1. เป็นการเตรียมตนให้พร้อมในด้านต่างๆ เพื่อรับกับสถานการณ์ทั้งหลายได้ด้วยความรู้สึกที่ดีต่อตนเอง
2. เป็นการปรับปรุงสิ่งที่บกพร่อง และพัฒนาพฤติกรรมให้เหมาะสม ขจัดคุณลักษณะที่ไม่ต้องการออกจากตัวเอง และเสริมสร้างคุณลักษณะที่สังคมต้องการ
3. เป็นการวางแนวทางให้ตนเองสามารถพัฒนาไปสู่เป้าหมายในชีวิตได้อย่างมั่นใจ
4. ส่งเสริมความรู้สึกในคุณค่าแห่งตนสูงให้ขึ้น มีความเข้าใจตนเอง สามารถทำหน้าที่ตามบทบาทของตนได้เต็มศักยภาพ

ข. ความสำคัญต่อบุคคลอื่น เนื่องจากบุคคลย่อมต้องเกี่ยวข้องสัมพันธ์กัน การพัฒนาในบุคคลหนึ่งย่อมส่งผลต่อบุคคลอื่นด้วย การปรับปรุงและพัฒนาตนเองจึงเป็นการเตรียมตนให้เป็นสิ่งแวดล้อมที่ดีของผู้อื่น ทั้งบุคคลในครอบครัวและเพื่อนในที่ทำงาน สามารถเป็นตัวอย่างหรือเป็นที่อ้างอิงให้เกิดการพัฒนาในคนอื่นๆ ต่อไป เป็นประโยชน์ร่วมกันทั้งชีวิตส่วนตัวและการทำงานและการอยู่ร่วมกันอย่างเป็นสุขในชุมชน ที่จะส่งผลให้ชุมชนมีความเข้มแข็งและพัฒนาอย่างต่อเนื่อง

ค. ความสำคัญต่อสังคมโดยรวม ภาระกิจที่แต่ละหน่วยงานในสังคมต้องรับผิดชอบ ล้วนต้องอาศัยทรัพยากรบุคคลเป็นผู้ปฏิบัติงาน การที่ผู้ปฏิบัติงานแต่ละคนได้พัฒนาและปรับปรุงตนเองให้ทันต่อพัฒนาการของรูปแบบการทำงานหรือเทคโนโลยี การพัฒนาเทคนิควิธี หรือวิธีคิดและทักษะใหม่ๆ ที่จำเป็นต่อการเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานและคุณภาพของผลผลิต ทำให้หน่วยงานนั้นสามารถแข่งขันในเชิงคุณภาพและประสิทธิภาพกับสังคมอื่นได้สูงขึ้น ส่งผลให้เกิดความมั่นคงทางเศรษฐกิจของประเทศโดยรวมได้

วันเสาร์ที่ 9 มกราคม พ.ศ. 2553

สะท้อนปัญหาเด็กไทย ใน วันเด็กแห่งชาติ



"คิดสร้างสรรค์ ขยันใฝ่รู้ เชิดชูคุณธรรม" นั่นคือคำขวัญวันเด็กแห่งชาติประจำปี 2553 ซึ่งนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ได้มอบเอาไว้เพื่อให้เด็กและเยาวชนไทย นำหลักแนวทางดังกล่าวนี้ไปประพฤติปฏิบัติตนให้อยู่ในกรอบของคุณธรรมความดี และบำเพ็ญประโยชน์แก่ส่วนรวม เพื่อช่วยกันนำพาบ้านเมืองไปสู่ความสุขสงบก้าวหน้ารุ่งเรืองยิ่งๆขึ้นไป

แต่ปัจจุบันนี้ ทุกคนคงต้องยอมรับว่า เด็กและเยาวชนไทยส่วนใหญ่ยังคงมีปัญหาที่ต้องเร่งดำเนินการแก้ไขกันเป็นจำนวนมาก ไม่ว่าจะเป็นปัญหายาเสพติด ลักขโมย ทะเลาะวิวาท อบายมุข เด็กเร่ร่อน ซึ่งเริ่มกลายเป็นปัญหาสังคมมากขึ้นเรื่อยๆ

สิ่งต่างๆ เหล่านี้จึงเป็นโจทย์ที่ผู้ใหญ่ในบ้านเมืองต้องร่วมมือกันเร่งแก้ไข เพื่อยุติปัญหา ความรุนแรง ไม่ให้แผ่วงกว้างเพิ่มขึ้นไปมากกว่านี้

"ครูหยุย" วัลลภ ตังคณานุรักษ์ กรรมการเลขาธิการมูลนิธิสร้างสรรค์เด็ก สะท้อนความคิดเห็นกรณีดังกล่าวผ่านมุมมองนี้ ว่า ทุกวันนี้ปัญหาที่เกิดขึ้นกับเด็กและเยาวชนไทย เริ่มทวีความรุนแรงมากขึ้นทุกปีๆ โดยเฉพาะปัญหายาเสพติด เนื่องจากจะพบว่าเด็ก วัยรุ่น เป็นกลุ่มเป้าหมายที่ผู้ค้าเริ่มเข้ามาเน้นกลุ่มเยาวชนเหล่านี้มากยิ่งขึ้น เพราะเป็นวัยที่อยากเรียนรู้และอยากทดลอง รวมไปถึงปัญหาการกระทำความรุนแรงต่อเด็กที่เกิดขึ้นจากครอบครัว ทำให้เด็กต้องหนีออกจากบ้านและกลายเป็นเด็กเร่ร่อนไปในที่สุด

"ครูหยุย" บอกด้วยว่า ปัญหาทั้งหมดรัฐบาลจะต้องรีบดำเนินการแก้ไขโดยด่วน ทั้งเรื่องการกวาดล้างยาเสพติด และการแก้ปัญหาการกระทำความรุนแรงต่อเด็ก รวมทั้งปัญหาอื่นๆ อีกมากมาย ซึ่งเป็นสิ่งที่ทุกฝ่ายต้องหันหน้าเข้ามาช่วยเหลืออย่างจริงจัง เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของเด็กและเยาวชนไทยให้เพิ่มขึ้นมากกว่านี้ เพราะแนวโน้มเด็กที่มีปัญหา มีจำนวนตัวเลขเพิิ่มขึ้นทุกๆปี หากเด็กกลุ่มนี้ขาดการช่วยเหลือ ดูแลหรือควบคุมความประพฤติ อาจเกิดผลกระทบตามมาภายหลังได้
"สำหรับวันเด็กปีนี้ เชื่อว่าหน่วยงานทั้งรัฐบาลและเอกชนหลายแห่ง คงจัดกิจกรรมเพื่อเด็กกันเป็นจำนวนมาก เพื่อสร้างความสุข ความสนุกและรอยยิ้มให้กับเด็กๆ แต่สิ่งสำคัญที่สุดนั้นต้องอย่าลืมว่ายังมีเด็กและเยาวชนอีกจำนวนหนึ่งที่ไม่มีโอกาสได้ร่วมกิจกรรมในวันนี้ เนื่องจากกิจกรรมต่างๆ ไปไม่ถึงพวกเขา ยกตัวอย่างเช่น เด็กพิการ เด็กที่อยู่ห่างไกลความเจริญ บนเขาบนดอย หรือในถิ่นทุรกันดาร ซึ่งในความเป็นจริงต้องยอมรับด้วยว่า หากจะให้วันนี้เป็นวันเด็กแห่งชาติที่สมบูรณ์แบบอย่างแท้จริงนั้น ทุกหน่วยงานต้องกระจายอำนาจเข้าไปดูแลให้ทั่วถึง อย่าปล่อยให้เด็กเหล่านี้ต้องรอคอยอย่างไม่มีความหวัง"

ครูหยุย กล่าวทิ้งท้ายว่า วันเด็กในปีนี้ อยากขอให้ทุกฝ่ายทำหน้าที่ของตนเองให้ดีที่สุด เพราะวันเด็ก เป็นอีกหนึ่งวันที่สะท้อนความคิดและการกระทำของผู้ใหญ่ ซึ่งเชื่อว่าทุกคนต้องเคยผ่านช่วงเวลานั้นมา ดังนั้น ไม่ว่าจะคิด ทำสิ่งใดก็ตาม ขอให้นึกถึงสิ่งที่สำคัญและมีประโยชน์กับคนทุกฝ่ายให้มากที่สุด โดยเฉพาะกับปัญหาของเด็กและเยาวชนที่รัฐบาลต้องหันมาใส่ใจและเร่งดำเนินการการแก้ไขโดยเร็วที่สุดเพื่อไม่ให้เป็นปัญหาสังคมในอนาคตต่อไป
ด้านนายรัชฏะ ศรีบุญรัตน์ หรือ "น้องต้นไม้" ประธานสภาเด็กและเยาวชนแห่งประเทศไทย บอกว่า สำหรับวันเด็กในปีนี้ อยากให้เป็นปีที่รัฐบาลเริ่มจริงจัง และเห็นความสำคัญของการเดินหน้าพัฒนาและส่งเสริมศักยภาพของเด็กและเยาวชนให้เต็มที่มากกว่านี้ แม้ว่าที่ผ่านมารัฐบาลจะแสดงผลงานให้เห็นแล้ว แต่มีนโยบายบางส่วน ยังไม่สามารถเข้าถึงกลุ่มเด็กและเยาวชนได้ทั้งหมด หากรัฐบาลต้องการที่จะผลักดันและส่งเสริมคุณภาพชีวิตอย่างจริงจัง ควรส่งเสริมนโยบายที่เข้ากับการพัฒนาเด็กและเยาวชนโดยตรง เชื่อว่าหากรัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทำงานกันอย่างเต็มที่แล้ว เด็กและเยาวชนจะสามารถเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่มีคุณภาพที่ดีในอนาคตได้

นอกจากนี้ วันเด็กแห่งชาติ ปี 2553 ที่ตรงกับวันที่ 9 ม.ค.นี้ ตนในฐานะของประธานสภาเด็กและเยาวชนฯ อยากเห็นเยาวชนคนรุ่นใหม่ศึกษาและเรียนรู้คำว่าเสียสละให้มากขึ้น ไม่อยากให้หมกหมุ่นอยู่กับปัจจัยที่เป็นวัตถุสิ่งของและเงินทองเพียงอย่างเดียว และที่สำคัญการเสียสละถือเป็นกำลังใจอย่างหนึ่งที่ช่วยให้บุคคลที่กำลังประสบปัญหาลุกขึ้นมาต่อสู้ได้

ทั้งหมดนี้ เป็นเพียงเหตุผลที่สะท้อนความคิดให้ทุกคนเริ่มจริงจังกับปัญหาที่เกิดขึ้นและไม่ควรปล่อยให้เนื้อร้ายกระจายเข้ามาทำลายชีวิตของเด็กที่เปรียบเสมือนอนาคตของชาติอีกต่อไป แต่ไม่รู้ว่าเมื่อไรที่จะเห็นเด็กไทยได้โอกาสที่ดีกับเขาเสียที